Dawdle Man

27 August 2005

Vincent


“I cannot help it if my paintings do not sell. But the time will come when people realise that they are worth more than the cost of the paint.” - Vincent van Gogh

ว่ากันว่าหากเปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ผลงานต่อผลงาน ฝีแปรงต่อฝีแปรงแล้ว ไม่มีใครตอบได้ว่าระหว่าง วินเซนท์ แวน โกะห์ (Vincent van Gogh) จิตรกรชาวดัตช์ และ พาโปล ปิกาสโซ (Pablo Picasso) ศิลปินชาวเสปน ผู้ใดมีความสามารถเหนือกว่ากัน แต่สิ่งเดียวที่แตกต่างกันระหว่างอัจฉริยะทั้งสองนี้คือ ปิกาสโซ เป็นพยานรู้เห็นความสำเร็จของตัวเขาแต่ขณะที่กว่าที่ทั้งโลกจะยกย่องฝีมือของ แวน โกะห์ เขาก็ฆ่าตัวตายแล้วหลายปี

ชีวิตของ แวน โกะห์ เป็นต้นแบบที่ดีที่สุด (role model) ของการใช้ชีวิตแบบ “จิตรกรไส้แห้ง” ที่มีสุรา และหนี้สินเป็นเครื่องชูโรงของชีวิต และหากพิจจารณาเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านเข้าในชีวิตของเขา ทั้งอกหัก โดนทิ้ง ความรักที่ถูกกีดกัน จิตที่ฟุ้งซ่านจนถูกส่งเข้าบำบัดทางจิต ตัดใบหู ก่อนสิ้นสุดชีวิตด้วยลูกปืน คงเป็นเรื่องเหมาะสมและไม่ผิดมารยาทนักหาก แวน โกะห์ สภาปนาตนเองขึ้นเป็น “พระราชาเรื่องเศร้า ที่หนึ่ง” ของมวลหมู่ศิลปินภาพเขียนทั้งหลาย

แวน โกะห์ เกิดเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 1853/2396 ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ แต่เสียชีวิตที่ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศสเมื่อปี 1890/2433 เมื่ออายุได้ 37 ปี เขาผลิตผลงานทั้งภาพระบายสี ภาพวาด ภาพพิมพ์ ภาพร่าง ฯลฯ รวมกว่า 3,000 ชิ้น นับว่ามหาศาลหากเปรียบเทียบกับเวลาเพียง 9 ปีที่เขาโลดแล่นในวงการศิลปะ

สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือขณะที่ศิลปินผู้นี้มีชีวิตอยู่เขาไม่เคยขายภาพเขียนของเขาได้เลย ผลงานของเขาถูกมองว่าเป็น “ขยะ” ของวงการศิลปะ แต่ไม่กี่สิบปีหลังจากเขาตาย ภาพเขียนของเขาถูกประมูลในสถานประมูลวัตถุมีค่าชั้นนำด้วยมูลค่ามหาศาลเพียงพอที่จะซื้อเครื่องบินโดยสารขนาดยักษ์ได้หนึ่งลำ ผลงานทั้งหลายของเขาถูกตั้งแสดงในหอศิลปะทั่วโลก หลายชิ้นอยู่ภายใต้ความครอบครองของอภิมหาเศรษฐี งานเขาเป็นแรงบัลดาลใจให้แก่ศิลปินยุคหลัง ซึ่งรวมถึง ปิกาสโซ ด้วย

ว่ากันว่าข้างหลังภาพนั้นมีความหมาย และเรื่องราวที่ถูกเรียงร้อยอยู่ในกาลเวลา ชีวิตของ แวน โกะห์ ก็ถูกเล่าเรื่องผ่านภาพวาดเหล่านั้นเช่นกัน ที่มาและที่ไปของผลงานส่วนใหญ่ของแวนโกะห์ถูกบันทึกในจดหมายโต้ตอบกันระหว่างเขากับ ธีโอ แวนโกะห์ (Theo van Gogh) น้องชายผู้เป็นผู้อุปถัมภ์ทางการเงิน (financial benefactor) หลายร้อยฉบับ หากนำจดหมายทั้งหมดมาร้อยเรียงต่อกันอาจได้บทละคอน หรือนิยายเรื่องเศร้าชั้นดีเรื่องหนึ่งทีเดียว

แวน โกะห์ เป็นศิลปินที่ผมนิยมผลงานที่สุด เป็นรสนิยมส่วนตัวที่ขาดตรรกเข้มแข็งรองรับ ผลงานชิ้นแรกที่ทำให้ผมรู้จักศิลปินผู้นี้ถูกกล่าวขานว่าเป็น Master Piece ของเขามีชื่อว่า The Starry Night ซึ่ง Don McLean แต่งเพลงชื่อ Vincent โดยได้รับแรงบัลดาลใจจากภาพวาดผลงานชิ้นโบว์แดงและประวัติชีวิตแสนเศร้าของผู้เขียนภาพนั้น

สำหรับผมแล้ว แวน โกะห์ เป็นหนึ่งในผู้ใช้ชีวิตแบบ “คนจริง” ผู้เชื่อมั่นในแนวทางของตน และไม่ก้มหัวให้กับแรงกดดันมหาศาลที่โหมกระหน่ำเข้าชีวิตของเขา ดังที่เขาเคยเขียนในจดหมายถึง ธีโอ ว่า

“I am risking my life in my work, and half reason has gone.”

1 Comments:

Post a Comment

<< Home