Dawdle Man

14 May 2006

Always: Sunset on the third street



ความฝันเป็นสิ่งสวยงาม เป็นสิ่งคอยย้ำเตือน ซ้ำๆ ว่าเรายังมีจุดหมายต้องไปให้ถึง เล็กบ้าง ยิ่งใหญ่บ้าง แต่เราทุกคนล้วนมีความฝัน

...แม้เวลาที่เราต้องพบความเจ็บปวด

มีโอกาสไปดูหนังญี่ปุ่นเรื่อง “Always: Sunset on the third street” เมื่อคืนวันอังคาร ใจจริงตั้งใจจะรอไปกับเพื่อนๆ ที่เรียนมาช่วงปลายสัปดาห์นี้ แต่หลังจากได้อ่าน synopsis ของหนัง บวกกับ comments ใน pantip.com เกิดความรู้สึกว่าระยะอีก 4-5 วันกว่าจะถึงวันเสาร์ที่จะต้องรอนั้นยาวนานนับปี อดทนรอไม่ไหว จึงด่วนตัดสินใจไปที่ House Rama เพื่อดูหนังรอบ 1 ทุ่มครึ่งในคืนนั้น

รู้สึกดีใจที่ตัดสินใจไม่ผิด ทั้งที่ใจตั้งความหวังไว้สูงไว้กับคำแนะนำทั้งหลาย หนังฉายจบเกือบ 4 ทุ่ม เดินออกจากโรงหนังรู้สึกอบอุ่น รู้สึกดี มีความสุข โลกนี้ดูสดใส

โชคดีที่ได้ดูหนังดีๆ อีกเรื่องหนึ่ง

ถ้าความทรงจำเก่าๆ ยังไม่ลืมเลื่อน นี่เป็นความรู้สึกเดียวกันหลังจากได้ดู “Be with you” ครั้งแรก ช่วงเดือนนี้ของปีที่แล้ว

แตกต่างที่คืนนี้ฝนไม่ตก และไม่มีคนเคียงข้าง

เรื่องเล่า “Always: Sunset on the third street” เริ่มขึ้นในชุมชนแห่งหนึ่งบนถนนสายเล็ก ในกรุงโตเกียวปี 1958 ที่มีฉากหลังเป็น Tokyo Tower ที่กำลังก่อสร้างอยู่

เรื่องราวทุกอย่างคงไม่เกิดขึ้นหากไม่มีสมาชิกใหม่ของชุมชนนี้ คนแรกเป็นหญิงสาวที่เดินทางจากต่างจังหวัดเพื่อมาตั้งใจมาทำงานกับบริษัทรถยนต์ใหญ่ๆ แต่กลับเป็นอู่ซ่อมรถเล็กๆ ในชุมชน อีกคนหนึ่งเป็นเด็กชายวัยประถมที่ต้องระหกระเหินมาอยู่กับหญิงสาวเจ้าของร้านเหล้าในชุมชนเพราะถูกแม่ทิ้ง แต่สุดท้ายเขาต้องถูก “ฝากเลี้ยง” ไว้กับเจ้าของร้านขายขนมเล็กๆ ผู้มุ่งมั่นกับการเป็นนักประพันธ์ผู้มีชื่อเสียงอีกทอดหนึ่ง

ทุกคนในชุมชนดำเนินตามวิถีทางของตนเองตามปกติ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลาและการเข้ามาของเทคโนโลยีสมัยใหม่ในชุมชน แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนคือ ความฝันอันแสนงามที่แต่ละคนมี และอุดมการณ์ ความหวังของที่คนทั้งชาติมีแบ่งร่วมกัน แม้บาดแผลจากสงครามยังฝังลึกอยู่ในจิตใจของทุกคนก็ตาม

หนังเรื่องนี้ถ่ายทอดความงดงามในแง่หนึ่งของมนุษย์ และความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ต่อมนุษย์ ออกมาได้อย่างสมบูรณ์ยิ่ง ความสวยงามของการถ่ายภาพและ การกำกับศิลป์ ผสมกับความสามารถของนักแสดง และความลงตัวของบท จีงไม่แปลกใจเลยที่หลายฉากในหนังเรื่องสามารถเรียกเสียงหัวเราะ และสามารถสะกิดต่อมน้ำตาแห่งความซาบซึ้งได้หลายจังหวะ

เดินออกจากโรงหนัง ขับรถกลับบ้าน จิตใจรู้สึกอิ่มเอิบ นึกทบทวนเรื่องราวที่ได้ดูตลอด 2 ชั่วโมง หยิบโทรศัพท์ โทรไปชักชวน เชิญชวน หลอกล่อ บังคับ ขู่เข็ญ เพื่อนหลายๆ ไม่อยากให้พราดโอกาสได้ดู “หนังดีๆ” ที่นานๆ ทีจะมีสักครั้ง

อาจจะสายไปนิด แต่ก็ยังพอมีเวลาเหลืออยู่ แล้วจะรู้ว่าค่าตั๋วกับเวลาที่เสียไป มันคุ้มค่าจริงๆ

2 Comments:

  • ดูแล้วเหมือนกันค่ะ สุดยอดจริงๆ เป็นหนังที่ดีที่สุดในช่วงนี้เลยก็ว่าได้ ประทับใจสุดๆ ร้องไห้ตั้งหลายครั้งแน่ะ เทียบกับ บีวิทยู ก็ได้ 5 ดาวเหมือนกันค่ะ แต่แหนมชอบเรื่องนี้มากกว่า เพราะมันหลากหลายอารมณ์ โหย ไม่มีคำบรรยาย ใครพลาด บอกได้คำเดียวว่า เสียดาย เนอะ

    By Anonymous Anonymous, at 9:35 pm  

  • THIS IS THE BEST MOVIE EVAAAAAAAAA: )

    By Anonymous Anonymous, at 2:42 pm  

Post a Comment

<< Home